แน่นอนว่าเมื่อไหร่เราชอบทางสายอาร์ตไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ลงสี ปั้น หรือแม้แต่ไปดูงานศิลป์บ่อย เดินดู art gallery ทุกคนก็จะมีคำว่า เรียนสถาปัตย์ดีไหม เข้ามาในหัว เพราะเป็นคณะที่ถูกพูดถึงบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ที่พ่อแม่ยอมรับ และมองว่าเป็นคณะที่มีความปลอดภัยในเรื่องการงาน หรือ หลายคนก็จะบอกว่า เรียนสถาปัตย์จะดีกว่าเพราะเป็นการรวมทั้งศาสตร์วิทย์และศาสตร์ศิลป์ อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ของเราที่มีเพื่อนๆที่เรียนสถาปัตย์ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จริงๆแล้วไม่ชอบการทำงานสถาปัตย์ และสุดท้ายเมื่อเรียนจนจบก็ได้ไปทำงานสายอื่นๆ ทั้งงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและงานนอกสายการเรียนสถาปัตย์ ฉะนั้นในวันนี้เราจะมาทดสอบกันว่า ใจจริงเราอยากเรียนสถาปัตย์ไหม และพร้อมกับการเรียนสถาปัตย์แค่ไหน
คำถามนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเมื่อเรารู้แล้วว่าเราไม่ได้แค่ชอบวาดรูปหรืออาจจะไม่ชอบวาดรูปเลย แต่เราชอบการก่อสร้าง หรือการเขียนแบบ หรือแม้แต่ไปคาเฟ่แล้วอยากออกแบบพื้นที่กับความรู้สึกของคน สิ่งที่น้องๆอาจจะหาเรียนหรือหาข้อมูลได้ยากคือ การออกแบบสามมิติ ต้องทำอย่างไร งานหลักๆในการเรียนสถาปัตย์คือการนำเสนอพื้นที่สามมิติที่เราออกแบบเพื่อให้เกิดการใช้งานที่ตอบโจทย์ โดยการนำเสนอสามมิติ แน่นอนว่าเราไม่สามารถสร้างงานจริงมาส่งได้ การแสดงงานหลักของเราคือการเขียนสองมิติให้ครบทุกด้าน เพื่ออาจารย์นี้ได้เห็นภาพและนำไปประกอบเป็นรูปร่างในหัว สิ่งที่ช่วยได้เพิ่มเติมคือการสร้างภาพเสมือนสามมิติ เช่น การเรนเดอร์ภาพออกมาในคอมพิวเตอร์ หรือการวาดทัศนียภาพนั่นเอง ฉะนั้นหาเตรียมตัว พี่ขอแนะนำสองทาง ทางแรกคือการเรียนรู้การทำโปรแกรมสามมิติสำหรับการเรนเดอร์ ซึ่งตรงนี้ สามารถหาเรียนได้จากใน YouTube หรือหากต้องการคนที่สรุปเรื่องให้แบบชัดเจน เราก็มีสอนเช่นกัน กับสองคือการฝึกออกแบบสามมิติ อันนี้อยากให้ทุกคนลองไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆเป็นเรียนรู้ การออกแบบ เช่น การเลือกวัสดุ ความรู้สึกต่อพื้นที่ที่เราอยู่และเค้าทำอะไรกับพื้นที่นี้บ้าง เช่น ความสูงของห้อง รูปแบบเพดาน สี ขนาดกว้างยาว การฝึกอันนี้จะดีที่สุด เพราะเมื่อเข้าไปในการเรียน เราจะเข้าใจขนาดพื้นที่ที่เรากำลังจะออกแบบนั่นเอง ฉะนั้น หากใครสนใจเรียนการออกแบบสถาปัตยกรรมเบื้องต้น เราก็มีสอนเช่นกัน อยากให้ทุกคนลองเรียนรู้ดูครับ จะได้ตัดสินใจได้ว่าชอบหรือไม่นั่นเอง
นี่เป็นคำถามที่สำคัญที่สุดในการถามตัวเองเลยว่า ที่เราอยากเข้าเรียนสถาปัตย์ เราอยากวาดรูปไหม เพราะหลายคนที่เลือกเข้าเรียนสถาปัตย์ แม้แต่พี่ผู้เขียนเองก็เริ่มจากการเห็นว่าตัวเองวาดรูปได้ดี จึงมามองคณะนี้เป็นคณะที่อยากเข้า ซึ่งจริงๆแล้วคณะนี้แทบจะไม่ได้วาดรูปเลย ถึงแม้ว่าการสอบเข้าจะใช้การวาดรูปเยอะก็ตาม สิ่งที่กลับได้ทำจริงๆคือการขึ้นแบบก่อสร้าง ที่แสดงส่วนของอาคารในด้าน บน ด้าน ข้าง เพื่อให้ผู้ที่อ่านแบบสามารถประกอบรูปเป็นสามมิติ ฉะนั้นในช่วงก่อนเข้าเรียนสถาปัตย์ที่หลายๆคนได้ฝึกวาดคนจนแทบจะเขียนการ์ตูนได้ หรือวาดทัศนียภาพพวกตึกจนดูเป็นเมืองขึ้นมาจริงๆ ความสามารถพวกนี้จะไม่ได้ถูกในไปใช้ตรงๆ แต่จะนำไปเป็นการปรับเปลี่ยนไปใช้ในการเห็นภาพในความคิดตัวเองเป็นสามมิติและทำให้ออกแบบสถาปัตย์กรรมได้ดีมากขึ้นนั่นเอง แต่นันก็จะเป็นจุดที่ทำให้คนที่อยากวาดรูปผิดหวังกับการเลือกเรียนสถาปัตย์ และที่สำคัญไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเอาความเข้าใจการวาดมาปรับใช้ให้เป็นการส่งเสรมการออกแบบสามมิติ ซึ่งหลายคนอาจจะซิ่ว หรืออาจจะล้มเลิกความตั้งใจเรียนและเริ่มหาอาชีพที่ต้องการทำในอนาคตและไปฝึกความสามารถการวาดแทน ซึ่งพี่ๆมองว่าถ้าหาคณะที่ตอบโจทย์การวาดและเข้าไปเรียนเลยจะดีกว่ามาก
เชื่อหรือไม่ว่าการออกแบบ และ การทำงานศิลปะ ถึงแม้ว่าผลงานจะออกมาใกล้เคียงกัน แต่กระบวนการทำและตอบโจทย์ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเรียนสถาปัตย์ส่วนใหญ่แล้วเราจะต้องใช้กระบวนการออกแบบค่อนข้างมาก การออกแบบคือการตอบโจทย์ความจำเป็นของมนุษย์ และสถาปัตย์ในขึ้นพื้นฐาน เราจะต้องทำให้มนุษย์ที่เข้ามาใช้พื้นที่ ได้รับความสะดวกสบายที่มากขึ้น การตอบโจทย์ต่อสภาพอากาศ แดด ลม หรือ การใช้งาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในขณะที่ตัวงานสถาปัตยกรรมเองก็สามารถตอบโจทย์ในเชิงของศิลปะได้ในบางกรณี เช่น การทำพิพิธภัณฑ์ หรือ อาคารที่มีระบบการใช้งานไม่ซับซ้อน และต้องการการสร้างความรู้สึกในการใช้งานสถาปัตยกรรม แต่ศิลปะที่เราพยายามใส่ความเป็นตัวตนและความรู้สึกเข้าไป แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการออกแบบที่ดี ฉะนั้น หากใครที่ชอบศิลปะ และ จริงๆแล้วอยากจะเรียนด้านศิลปะโดยตรง เราไม่แนะนำการเรียนสถาปัตย์ เนื่องจากสุดท้าย น้องๆอาจไม่ได้เรียนในสิ่งที่ต้องการนั่นเอง เพราะตัวสถาปัตยกรรมเองมำความจำเป็นต้องอย่างยิ่งในการสร้างอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริงนั่นเองครับ
หวังว่าคอนเท้นต์นี้จะทำให้น้องๆเห็นภาพมากขึ้นการเลือกเรียนสถาปัตย์ อยากให้ลองถามใจตัวเองดูนะ ว่าต้องการเรียนอะไรจริงๆ ถึงแม้ว่าคณะสถาปัตย์จะเป็นคณะฮอตฮิตก็ตาม แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการไปเลือกเรียนสิ่งที่เป็นเราที่สุดครับ