หลายๆคนมีคำถามว่า จบสถาปัตย์ทำงานอะไร ก่อนอื่นที่เราจะพูดถึงการจบสถาปัตย์ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าคณะออกแบบพื้นฐานนั้นไม่จำเป็นต้องคิดว่าเรียนสถาปัตย์จะตอบโจทย์ไปเสียทั้งหมด จะมีความเชื่ออย่างหนึ่งที่เราเชื่อว่าเรียนสถาปัตย์ เป็นการรวบรวม วิทย์กับศิลป์ ไปพร้อมกัน ซึ่งจริงๆแล้วคือคำว่า วิทย์กับศิลป์ จะพูดถึงการนำระบบความคิดแต่ละวิชาไปใช้มากกว่า ซึ่งในมุมของการเรียนสถาปัตย์นั้น การใช้วิชาศิลปะและการออกแบบคือการนำไปใช้ในนเชิงการจัดการระบบการใช้งานและการสร้างประสบการณ์ที่ดีในสถาปัตยกรรม และเราใช้ด้านวิทย์นั่นก็เพราะงานออกแบบของเราจำเป็นต้องตั้งอยู่บนโลกจริงๆ ซึ่งจำเป็นต้องรู้ทิศทางของแสงแดด ลม หรือการคำนวณโครงสร้าง และขนาดอาคาร หรือค่าก่อสรร้างนั่นเอง ซึ่งเมื่ออ่านทั้งหมดที่อธบายจะเห็นได้ชัดว่ามันคือการนำวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เบื้องต้นมาปรับใช้เพื่อให้สามารรถออกแบบได้แยบยลขึ้นเท่านั้นเอง ที่กล่าวทั้งหมดคือ เราไม่มีความจำเป็นใดใดที่จะต้องเลือกคณะหนึ่งเพื่อให้ตรงกับสายวิชาช่วง ม.ปลาย ที่เราเลือก แต่อยากให้ไปมองไปที่สิ่งที่ต้องการเรียนมากกว่าว่าเราต้องการเรียนรู้อะไร และหลังจากที่เราเลือกคณะนั้นๆแล้ว วิชาที่เราชอบช่วง ม.ปลาย จะเป็นความสามารถพิเศษที่เราสามารถนำไปปรับใช้ในงานได้นั่นเอง ฉะนั้น ในวันนี้เรามาเรียนรู้คณะใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์โลกกันดีกว่าว่า คณะไหนน่าสนใจกับเรา และมีอนาคตต่อไปอย่างไร
- เรขศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- COMMDE นิเทศศิลป์อินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- COMDES มหาวิทยาภัยราชภัฏธนบุรี
- CDP MUIC นิเทศศิลป์อินเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะสายนี้คือการเรียนรู้ระบบการออกแบบเพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจ โดยการเรียนรู้ด้านนี้เราจะต้องเข้าใจก่อนว่า ธุรกิจในยุคปัจจุบันพยายามนำลูกค้าที่เราต้องการสร้างยอดขาย เราจำเป็นต้องรู้จักและวิเคราะห์ลูกค้าให้ดี เพื่อสร้างการตอบโจทย์ลูกค้าแบบใหม่ให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการของเรา ฉะนั้น ใครยังไม่เข้าใจเรื่องของการออกแบบ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ article นี้ได้เลย เมื่อเราเข้าใจการออกแบบแล้ว อยากให้เห็นภาพว่าการสร้างสินค้าหรือบริการแบบใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเดิม เราสามารถเสนอสินค้าใหม่ การตอบโจทย์ใหม่ สิ่งที่สำคัญคือการสร้างโพรดักต์ขึ้นมาจริงๆ เราจะได้เรียนรู้การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ หรือเครื่องมือต่างๆที่สามารถสร้างตัวอย่างสินค้าในราคาที่ถูก หรือแม้แต่การเรียนโค้ดเบื้องต้นที่เราจำเป็นต้องรู้เพื่อสามารถสร้างการตอบโจทย์ลูกค้าหรือแม้แต่การเก็บข้อมูล และสำคัญที่สุด การเรียนรู้การเงินเบื้องต้นก็จำเป็นเช่นเดียวกัน เราจำเป็นต้องรู้จักการทำบัญชี หรือการสร้างแผนทางธุรกิจเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาบริษัทและการว่าจ้างคน ฉะนั้น ถ้าใครรบอกว่าอยากเรียนทั้งวิทย์และศิลป์ คณะประเภทนี้ อาจตอบโจทย์น้องๆที่สนใจทั้งสองสายก็ได้นะครับ แต่ก็ต้องพึงระวังว่า คำว่าการออกแบบนั้นไม่ใช่ตอบโจทย์แค่การวาดรูปหรือออกแบบสินค้าเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นเราอาจจะไม่ได้วาดรูปหรือลงสีเป็นปกติ แต่เป็นการนำความรู้เรื่องศิลปะเบื้องต้นมาปรับเปลี่ยนใช้ในการออกแบบ พื้นที่ platform ต่างๆมากกว่า ถ้าสนใจ คำถามคือ มีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เปิดสอนความคิดแบบนี้
- BAScii จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- DBTM นิเทศศิลป์อินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สายนี้เราขอพูดถึงภาพรวมของอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่ง metaverse โลกแห่งเกมส์ โลกแห่งภาพเสมือนจริง หรือแม้แต่ โลกแห่ง NFT หรือการซื้อขายศิลปะด้วยสกุลเงินดิจิทัลนั่นเอง และอยากจะแจ้งก่อนนว่าในบทความช่วงนี้เป็นการคาดเดาของพี่ๆเอง ฉะนั้น ลองใช้วิจารณญาณดูนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือทุกคนกำลังหาพื้นที่หรือแพลตฟอร์มใหม่ๆสำหรับการแจ้งเกิด ฉะนั้น การหาตัวตนและสร้างภาพจำกลายเป็นเรื่องที่สำคัญและศิลปะเองเป็นวิชาที่ช่วยผลักดันความคิดการหาตัวตนนั่นเอง และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือในการสร้างพื้นที่ใหม่ๆ เช่นการสร้างภาพเสมือน หรือ โลกเสมือน สิ่งที่จำเป็นเป็นสิ่งแรกคือการหาบุคคลที่สามารถเปลี่ยนความคิดให้เป็นภาพให้ได้นั่นเอง แต่กลุ่มคนที่ทำได้คือคนที่ผ่านการเรียนคณะศิลปะและการออกแบบมาแล้วนั่นเอง ฉะนั้น อยากให้เห็นภาพว่าโลกในปัจจุบันกำลังจะสร้างโลกที่ซ้อนความจริงขึ้นมา และคนที่มีความสามารถการวาดรูปจะเป็นหัวเรือในการสร้างโลกเสมือนขึ้นมาได้จริง การวาดรูปนั้น จากที่หลายคนคิดว่าจะไม่มีงานทำ กลับกลายเป็นโอกาสแห่งอนาคตที่ทุกคนต้องการตัวเพื่อสร้างโลกของเขาขึ้นมาใหม่นั่นเอง ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปะทุกคนกำลังจะเป็นสถาปนิกในการสร้างตัวตนหรือโลกเสมือนขึ้นมาและเชื่อว่านี่คือความสนุกที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอ ฉะนั้น อยากให้ทุกคนลองเปิดใจกับคณะที่จะส่งเสริมความคิดด้านนี้ ความสามารถในการทำงานศิลปะแบบที่เราชอบวาดเช่นการ์ตูนที่วันหนึ่งต้องมีคนให้โอกาสเราสร้างโลกแบบนั้นขึ้นมาจริงๆแน่นอน
ฉะนั้น เมื่อน้องๆสนใจคณะศิลปะและการออกแบบแล้ว เราอยากให้ทุกคนได้เลือกคณะที่ต้องกาเรียนจริงๆโดยยังไม่ต้องคำนึงถึงคณะที่ทุกคนบอกว่าปลอดภัยในเชิงของการงาน หรือแม้แต่ชื่อเสียงของคณะนั้นๆ อยากให้ทุกคนได้เลือกคณะตามที่ตัวเองมีความมุ่งมั่นอยากทำ แต่เช่นเดียวกัน อยากให้ทุกๆคนที่กำลังสนใจด้านศิลปะ ลองมองถึงอนาคตของการสร้างรายได้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้การทำงานศิลปะอาจเป็นการเดินทางที่ยากในการสร้างความสำเร็จด้านการเงิน แต่ก็ต้องดูอนาคตต่อไปด้วย และเราได้เห็นอนาคตของโลกใหม่ที่ศิลปะ กำลังมีค่ามากขึ้น และนั่นเองคือจุดที่อยากให้น้องๆมั่นใจ ว่าเราไม่ต้องกลัวอนาคต แต่ขอให้เดินไปข้างหน้าเต็มที่กับคณะที่ชอบและใช้ระบบความคิดการออกแบบ ออกแบบชีวิตการงานของเราและประสบความสำเร็จครับ สู้ๆครับ